ผู้ให้บริการ Skrill และ NETELLER (Paysafe Group Limited) ให้ความสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัยเป็นอย่างมาก ดังนั้น ผู้ให้บริการจึงมีทีมงานที่คอยจับตาดูพฤติกรรมหรือกิจกรรมทางบัญชีอย่างใกล้ชิดของลูกค้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่ขะสามารถแทรกแซงเมื่อพบเหตุผิดปกติได้ การปฏิบัติตามกฎของผู้ให้บริการ (T&Cs) จึงเป็นสิ่งที่ควรทำความเข้าใจก่อนการใช้บริการ
บทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับสาเหตุที่เป็นไปได้ในการถูกปิดบัญชีหรือระงับบัญชี (แบน) ทั้งโดนแบนชั่วคราวและโดนแบนถาวร วิธีหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้น และสิ่งที่ต้องทำหากบัญชี NETELLER หรือ Skrill ของคุณถูกแบน รวมถึงวิธีการถอนเงินกลับคืนให้เร็วที่สุดทำได้อย่างไร ต่อจากนี้ไปจะขอเรียก Paysafe แทนผู้ให้บริการ NETELLER และ Skill เพื่อความกระชับนะครับ
สารบัญบทความ
ทำไมบัญชี Neteller และ Skrill จึงถูกแบน (ปิดกั้นการทำธุรรรกรรม) ?
สาเหตุที่บัญชีถูกแบน หลัก ๆ จะมีดังต่อไปนี้
การแบนบัญชีชั่วคราว (Temporarily Disable) เพื่อความปลอดภัย
ทีมรักษาความปลอดภัยของ Paysafe ได้มีการสอดส่องบัญชีของลูกค้าทุกท่าน (Monitoring) เพื่อดูว่ามีกิจกรรมที่ผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่า และเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติม ทางทีมงานจึงได้ทำการแบนบัญชีเหล่านี้ชั่วคราว (Temporarily Disable) เพื่อตรวจสอบก่อนว่ามีการละเมิดกฏด้านความปลอดภัยจริงหรือไม่ ซึ่งพฤติกรรมต่อไปนี้ เป็นพฤติกรรมที่พบได้บ่อยที่สุดที่อาจทำให้บัญชีถูกแบนชั่วคราว
- ใช้ VPN (Virtual Private Network), Proxy หรือการเปิดใช้โหมดไม่ระบุตัวตนในรูปแบบต่าง ๆ
- Logging in จากประเทศที่ทาง Paysafe ไม่ได้ให้บริการ รวมถึงการเข้าสู่ระบบ (Logging in) จากต่างประเทศ ซึ่งไม่ใช่ประเทศของเจ้าของบัญชีที่ได้ลงทะเบียนไว้ในตอนแรก ตัวอย่างเช่น เจ้าของบัญชีเป็นคนไทย (ลงทะเบียนและส่งเอกสารว่ามีที่อยู่ในประเทศไทย) แต่ได้มีการใช้งานจากอินเทอร์เน็ตของประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น
- ระบุรหัสผ่าน, Secure ID หรือ Two-Step authentication code ผิดติดต่อกันหลายครั้ง
- พฤติกรรมแปลก ๆ ในบัญชีของคุณ เช่น จำนวนเงินที่ผิดปกติ หรือ จำนวนรายการธุรกรรมที่มากจนเกินไป
*** ตัวอย่างข้างต้นเป็นสาเหตุที่พบเจอได้บ่อย โปรดทราบว่า อาจจะมีอีกหลายสาเหตุนอกเหนือจากนี้ที่ทำให้เกิดการแบนบัญชีชั่วคราวได้เช่นเดียวกัน
การแบนบัญชีเนื่องจากละเมิดข้อกำหนดและเงื่อนไข
เมื่อลงทะเบียนในครั้งแรก จะถือว่าได้ยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขไปแล้ว ดังนั้นโปรดอ่านอย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจว่าการกระทำใดเป็นสิ่งต้องห้าม
- คุณต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป จึงจะได้รับอนุญาตให้เปิดบัญชีได้
- ผู้ใช้แต่ละคนสามารถมีบัญชี Skrill และบัญชี NETELLER ได้เพียงบัญชีเดียวเท่านั้น ไม่อนุญาตให้สร้างบัญชีหลายบัญชีได้ (โปรดทราบว่า ถ้าผู้ใช้งานอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ก็สามารถเปิดบัญชีใช้งานได้ปกติ)
- การให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เช่น ชื่อและที่อยู่ ถือว่าผิดกฏ
- การฝากเงินและถอนเงิน ซึ่งใช้ชื่อบุคคลที่ 3 (ไม่ได้ใช้ชื่อเดียวกับเจ้าของบัญชี) ถือว่าผิดกฏ
- การทำธุรรกรรมที่ผิดต่อกฏหมาย
- ข้อกำหนดอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งสามารถอ่านได้ในข้อกำหนดและเงื่อนไข
Skrill T&Cs
https://www.skrill.com/en/footer/terms-conditions/skrillaccounttermsofuse
NETELELR T&Cs
https://www.neteller.com/en/policies/terms-of-use
จะป้องกันการถูกแบนบัญชีได้ยังไง?
การปฏิบัติตามกฏง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ สามารถช่วยหลีกเลี่ยงการถูกแบนบัญชีได้ ดังนี้
- ห้ามใช้ VPNs, Proxy หรือโหมดไม่ระบุตัวตน รวมถึงการซ่อน IP Address
- ห้ามเผยแพร่ข้อมูลการ Login ให้กับคนอื่น (Email และรหัสผ่าน)
- หากคุณมีแผนการเดินทางไปต่างประเทศ และระหว่างนั้นต้องการจะใช้บัญชี Paysafe จากประเทศอื่น ให้ส่งบันทึกย่อไปแจ้งยังฝ่ายสนับสนุนก่อนใช้งานเสมอ
- ไม่อนุญาติให้สร้างบัญชีมากกว่า 1 บัญชีต่อหนึ่งคน เว้นแต่ว่าบัญชีของคุณจะเป็น Silver VIP ขึ้นไป ซึ่งระบบจะอนุญาติให้เปิดบัญชีเพิ่มในสกุลเงินอื่น ๆ ได้
- ให้ข้อมูลชื่อและที่อยู่ของคุณที่ถูกต้อง ไม่บิดเบือนจากความเป็นจริง
- ห้ามแก้ไขเอกสารใด ๆ ที่ส่งให้กับ Paysafe ซึ่งอาจจะถูกบทลงโทษโดยการปิดบัญชีถาวร
- ไม่ให้ใช้ชื่อบุคคลที่ 3 ในการทำธุรรกรรมฝากและถอนเข้าบัญชี Paysafe
- ห้ามทำธุรรกรรมใด ๆ ที่ขัดต่อกฏหมายภายในประเทศ
จะเห็นได้ว่าการคำนึงถึงความปลอดภัยของบัญชีเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมาก ซึ่งถ้าหากคุณต้องการให้บัญชีของคุณปลอดภัย คุณสามารถทำสิ่งนี้เพิ่มเติมได้
- เปิดใช้งาน 2-Step Authentication
- ใช้รหัสผ่านให้คาดเดาได้ยากยิ่งขึ้น
- เปลี่ยนรหัสผ่านให้บ่อยขึ้น อย่างน้อยเดือนละครั้ง
ในบางครั้งเว็บไซต์ Paysafe ไม่สามารถเข้าถึงได้ บัญชีของฉันยังปกติหรือเปล่า?
ในบางเวลาที่ไม่สามารถเข้าเว็บไซต์ Paysafe ได้ จากเครื่องคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ของคุณ ปัญหาเกิดจาก IP Address ซึ่งเป็นเพราะระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติ กำลังป้องกันรูปแบบการโจมตี DDOS ดังนั้นอาจจะต้องรอเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงเพื่อปลดล็อกและใช้งานต่อไปได้ปกติ แต่ถ้าหากยังไม่สามารถเข้าใช้งานได้ ให้ลองตรวจสอบดังต่อไปนี้เพิ่มเติม
- ตรวจสอบว่าคุณยังเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
- ตรวจสอบว่ายังเข้าเว็บไซต์อื่น ๆ ได้ปกติหรือไม่
หากทุกอย่างปกติ ให้รอภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งทางระบบอัตโนมัติ Paysafe จะเคลียร์ล็อกทุกอย่างให้ แต่ถ้าทำทุกอย่างแล้วยังไม่สามารถเข้าใช้งานได้อีก ให้ติดต่อทีมเทคนิคเพื่อแก้ไขรายเคสต่อไป
จะทำอย่างไร? หากบัญชีถูกแบน
หากลองเข้าสู่ระบบแล้วเห็นการแจ้งเตือนว่าบัญชีถูกจำกัดหรือถูกปิดชั่วคราว ให้ลองเข้าไปตรวจสอบในอีเมล์เป็นอันดับแรก โดยปกติแล้ว Paysafe จะส่งข้อมูลถึงปัญหาที่พบและแนะนำวิธีในการแก้ไข อาจจะเป็นการส่งเอกสารยืนยันเพื่อทำให้บัญชีกลับมาใช้ได้อีกครั้ง
ในกรณีที่ไม่ได้รับอีเมล์ใด ๆ ให้ติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Paysafe ซึ่งทีมงานจะตรวจสอบบัญชีให้เป็นรายเคส และแจ้งคุณถึงปัญหาและวิธีแก้ไข
จะเกิดอะไรขึ้นกับเงินในบัญชีที่ค้างอยู่ หากบัญชีถูกแบน
หากบัญชีของคุณถูกปิดชั่วคราวก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ทันทีที่ชี้แจงหรือส่งหลักฐานไปบัญชีของคุณจะกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง รวมถึงเงินในบัญชีก็กลับมาใช้งานได้ปกติ
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่บัญชีถูกปิดถาวร คุณต้องติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Paysafe จากนั้นพวกเขาจะบอกวิธีการถอนเงินออก หากบัญชีของคุณสามารถคืนเงินได้ โดยปกติการคืนเงินจะอนุญาติให้แค่บัญชีธนาคารที่เป็นชื่อเดียวกับชื่อเจ้าของบัญชี Paysafe เท่านั้น (ไม่อนุญาติบุคคลที่ 3) โปรดทราบว่าดุลพินิจทั้งหมดเป็นของทางทีมงาน Paysafe ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละกรณี Paysafe สามารถใช้สิทธิ์ให้การหักค่าธรรมเนียม 150 USD/EUR ของยอดเงินในบัญชี ในกรณีที่ผิดกฏหมายหรือฉ้อโกง
หากบัญชีเก่าถูกปิดลงไป สามารถเปิดบัญชีใหม่ได้อีกหรือไม่?
จากข้อมูลทั้งหมดข้างต้น เราทราบว่า Paysafe อนุญาติให้ 1 คนต่อ 1 บัญชี ดังนั้นหากคุณถูกปิดบัญชีเก่าลงไป จะไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างบัญชีใหม่ได้อีกต่อไป
Reference : https://www.ewallet-optimizer.com/